มารู้จักยาคุมฉุกเฉิน กินอย่างไร ใช้เวลาไหน ผลข้างเคียง




ยาคุมฉุกเฉิน รู้ไว้จะได้ใช้ถูก


ยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉิน หรือ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน  หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ชื่อก็บอกแล้ว ว่า "ฉุกเฉิน" ก็เหมือนยาคุมกำเนิดธรรมดา แต่จะมีปริมาณฮอร์โมนต่อเม็ดสูงกว่า ต้องกินหลังจากมีเพศสัมพันธ์ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งต้องใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ควรนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะอาจเกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงได้ หากใช้ไม่ถูกวิธีนะค่ะ ยาคุมฉุกเฉินจะเกิดผลดีหากใช้อย่างถูกต้อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เต็ม 100% เพราะในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการคุมกำเนิดแบบใดที่ให้ผลเต็มร้อย ไม่ว่าจะเป็นการทำหมันหรือใส่ถุงยางอนามัยก็ตาม โดยตัวยาจะทำให้เยื่อบุมดลูกเปลี่ยนแปลงจนไม่เหมาะกับการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว

ข้อบ่งใช้ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินมีข้อบ่งใช้ในการป้องกันการตั้งครรภ์ใน “กรณีฉุกเฉินเท่านั้น” ซึ่งคำว่าฉุกเฉินในที่นี้หมายถึง
  • สตรีที่ถูกข่มขืนกระทำชำเรา หรือการมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่เต็มใจหรือไม่ตั้งใจ
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้มีการคุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ
  • การมีเพศสัมพันธ์ในคู่สามีภรรยาที่มีการคุมกำเนิดอยู่ แต่การใช้วิธีคุมกำเนิดปกติเกิดความผิดพลาด ไม่ถูกต้อง หรือมีเหตุฉุกเฉิน เช่น การนับระยะปลอดภัยผิดพลาด, ถุงยางอนามัยรั่ว แตก หรือฉีกขาด, ห่วงอนามัยหลุด, ลืมฉีดยาคุมกำเนิด, ลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิดเกิน 3 วันขึ้นไป

วิธีใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

+สามารถใช้ได้ภายใน 120 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธุ์ ทั้งนี้ประสิทธิภาพของยาลดลงแปรผันกับระยะเวลาหลังมีเพศสัมพันธุ์ ดังนั้นจึงควรใช้โดยเร็วที่สุดที่เป็นได้

+ ยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่อง จะมีตัวยา 2 เม็ด ประกอบด้วยตัวยาที่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง คือ ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel) เม็ดละ 750 ไมโครกรัม องค์การอนามัยโลกแนะนำให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด ครั้งเดียวภายใน 120 ชั่วโมง หลังจากมีเพศสัมพันธุ์
หรือ
อาจใช้วิธีรับประทานครั้งแรก 1 เม็ดภายใน 72 ชั่วโมง แล้วตามอีก 1 เม็ด ในอีก 12 ชั่วโมงต่อมาในกรณีที่ไม่สามารถทนอาการคลื่นไส้/อาเจียนได้

ผลข้างเคียงที่อาจพบ

+คลื่นไส้
+อาเจียน
+ปวดหัว
+วิงเวียน
+อ่อนเพลีย

สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 1 แผง/1 รอบเดือน แต่ไม่แนะนำใช้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีโอกาสตั้งครรภ์สูงกว่าการรับประทานยาคุมกำเนิดแบบทั่วไป และทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

  • ก่อนการใช้ยาคุมฉุกเฉิน คุณควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ (ไม่ต้องอาย เพราะมันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ สำหรับแพทย์หรือเภสัช)
  • ถึงแม้จะใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้อง (กินทันทีหรือภายในเวลาที่กำหนด) ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ ถ้าพลาดตั้งครรภ์แล้ว ก็ไม่ต้องทำแท้งนะค่ะ เพราะเด็กจะยังปกติดีอยู่
  • ประสิทธิภาพของยาจะดีถ้าคุณกินยาทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการกินยาภายใน 72 ชั่วโมง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 75-79% (รวมยาเม็ดที่ 2 แล้ว) แต่ถ้าเริ่มกินยาภายใน 12-24 ชั่วโมงแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงขึ้นเป็น 85% ดังนั้น คุณควรกินยาเม็ดแรกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ (ส่วนการกินยาหลังจากเลย 72 ชั่วโมงไปแล้ว หรือตั้งแต่ 72-120 ชั่วโมง (3-5 วัน) ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดจะลดลงเหลือเพียง 60%)
  • ระหว่างยาเม็ดแรกกับเม็ดที่ 2 คุณสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัย เพราะประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยายังคงมีเท่าเดิม แต่อย่าลืมว่าประสิทธิภาพไม่ใช่ 100% โอกาสตั้งครรภ์จะยังคงมีอยู่ (ในกรณีที่กินยาครบ 2 เม็ดแล้ว หลังจากนั้นก็มีเพศสัมพันธ์กันอีก แบบนั้นจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้สูงมากค่ะ ไม่ควรทำ)
  • ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูงค่ะ (หากใช้อย่างถูก) ความเชื่อที่ว่ากินแล้วอันตราย ทำให้เป็นมะเร็ง ตั้งครรภ์นอกมดลูก ไม่จริงนะคะ “ถ้าคนทั่วไปยังกินยาคุมกำเนิดแบบธรรมดาได้ คุณก็กินยาคุมฉุกเฉินได้แบบไม่ต้องกังวลค่ะ
  • จากการศึกษาพบว่า คุณสามารถใช้ยาคุมฉุกเฉินได้มากกว่า 1 ครั้ง (ไม่เกิน 2 ครั้ง) ภายใน 1 เดือน โดยไม่มีอาการข้างเคียงรุนแรงใด ๆ จากการใช้ดังกล่าวในคนมากกว่า 30 ปี พบว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และไม่มีความสัมพันธ์กับการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือความสามารถในการตั้งครรภ์หลังเลิกใช้ยา
  • ไม่ควรใช้ยานี้เพื่อคุมกำเนิดเป็นประจำหรือใช้ในระยะยาว เพราะหากใช้ซ้ำกันหลายครั้งอาจทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ ดังนั้นหากต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว คุณควรใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพและได้ผลดีกว่า
  • การกินยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำจะเกิดอาการข้างเคียงเหล่านี้ได้สูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การ “ใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำหลังร่วมเพศทุกครั้งอาจจะเกิดการตั้งครรภ์ได้สูงและอาการแทรกซ้อนได้มากขึ้นด้วย
  • ยาคุมฉุกเฉินห้ามกินเกิน 2 ครั้งในชีวิต ส่วนนี้ “ไม่จริง” นะค่ะ คุณสามารถกินได้มากกว่า 2 ครั้ง เพียงแต่ไม่ควรกินเกิน 2 กล่องต่อเดือน ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว
  • มีความเข้าใจผิด ๆ ว่าการกินยาคุมฉุกเฉินโดยไม่ทราบว่ามีการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ส่วนนี้ไม่เป็นความจริง เพราะมีรายงานว่า “ยังไม่พบทารกพิการจากการที่มารดากินยาคุมฉุกเฉินโดยไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช้ยาทำแท้ง หลายคนยังเข้าใจผิดในเรื่องนี้อยู่ เพราะยาจะต้องเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่หากไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว จะกินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ได้ช่วยอะไร สรุป “ยาคุมฉุกเฉินมีฤทธิ์ยับยั้งหรือรบกวนการตกไข่ ไม่ใช่ยับยั้งการฝังตัวของตัวอ่อน” จึงไม่มีผลทำให้แท้งหรือทำให้ทารกในครรภ์พิการ
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่ทำให้อ้วนขึ้นแต่อย่างใด เพราะหน่วยงานควบคุมยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency: EMA) ออกมายืนยันแล้วว่า “ไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าการกินยาคุมฉุกเฉินแล้วจะทำให้อ้วนขึ้นหรือตัวบวมขึ้น
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี ไวรัสมะเร็งปากมดลูก หรือกามโรคชนิดต่าง ๆ แต่การใช้ถุงยางอนามัยนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดได้แล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย
  • หากมีอาการผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนขาดหรือประจำเดือนไม่มา ให้รีบไปพบแพทย์
  • หลังใช้ยาคุมฉุกเฉินและประจำเดือนมาแล้ว ถ้าอยากกินยาคุมแบบปกติทั้งแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ด คุณต้องตระหนักไว้ว่า “ในแผงแรกอาจยังไม่ได้ผลในการคุมกำเนิดอย่างเต็มที่ คุณควรใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยไปจนกว่าจะขึ้นแผงที่ 2” เพื่อความชัวร์

***ซื้อยาทุกครั้ง ซื้อจากผู้ให้บริการที่เป็นเภสัชกรทุกครั้งนะจ๊ะ***

##เฌอเอมเภสัช บริการด้วยใจ ห่วงใยเหมือนคนในครอบครัว##
##เฌอเอมเภสัช
เภสัชกรหญิงศรีสุดา ยะจ่อ
ติดตาม Official Line 
โดยกดลิงค์ https://line.me/R/ti/p/%40tyn1970p
หรือ ID : @tyn1970p
เพจ:เฌอเอมเภสัช




ความคิดเห็น